“ชันโรง” หรือ “ผึ้งจิ๋ว” ผลผลิตราคาสูง เป็นที่ต้องการของตลาดในและต่างประเทศ
”ชันโรง“ หรือ “ผึ้งจิ๋ว” เป็นแมลงช่วยผสมเกสรในสวนผลไม้และพืชผักเกือบทุกชนิด บินออกหาอาหารในรัศมีประมาณ 300 เมตร ไม่มีพฤติกรรมทิ้งรัง ไม่เลือกตอมดอก ทำให้ผสมเกสรพืชได้ดีกว่าผึ้ง เกษตรกรนิยมเลี้ยงชันโรงในสวนไม้ผล เพราะช่วยให้ผลผลิตติดดอกออกผลดี ได้รูปทรงผลที่สวยงามและมีคุณภาพดี และชันโรงยังเป็นแมลงชี้วัดความปลอดภัยจากสารเคมีในผลผลิตฃ
การเลี้ยง “ชันโรง” สามารถเลี้ยงได้ทั้งรูปแบบอยู่กับที่หรือเคลื่อนย้ายไปตามแหล่งอาหาร โดยนิยมเลี้ยงในกระบอกไผ่ ในกล่องหรือลังไม้ เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมอุณหภูมิได้ดีแล้ว ยังเป็นวัสดุที่หาง่าย ราคาไม่แพง และคงทน สำหรับการวางรังชันโรง ควรวางกระจายคลอบคลุมพื้นที่ในช่วงที่พืชอาหารมีดอกบาน โดยจะต้องดูความเหมาะสมของสถานที่ที่มีความปลอดภัยจากสารเคมี สภาพลมฟ้าอากาศที่ไม่ร้อนจัดและหนาวจัด มีหลังคาหรือวัสดุคลุม มีขาตั้งรังเพื่อป้องกันศัตรู เช่น ไก่ นก มด มวน คางคก จิ้งจก จิ้งเหลน เป็นต้น รวมทั้งเป็นบริเวณที่มีแหล่งอาหาร เช่น ยางไม้ เกสรน้ำหวานดอกไม้ และแหล่งน้ำตลอดปี และมีการตรวจสภาพความสมบูรณ์ในรังเดือนละครั้ง โดยทั่วไปถ้าเป็นสวนที่ปลูกผลไม้เต็มพื้นที่จะใช้รังชันโรงไม่ต่ำกว่า 10 รัง/ไร่ แต่หากเป็นสวนมะพร้าว หรือสวนผสมอื่นๆ จะใช้เพียง 4-5 รัง/ไร่
ทั้งนี้ ผู้ที่จะเลี้ยงชันโรงจำเป็นต้องแยกขยายรัง ซึ่งจะต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้เลี้ยงเป็นสำคัญ โดยต้องอยู่ในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่ชันโรงรังนั้น ๆ มีความต้องการที่จะขยายรังอยู่แล้ว ต้องทำในช่วงฤดูดอกไม้บาน มีการสะสมอาหารไว้ภายในรังเป็นจำนวนมาก และภายในรังได้มีการสร้างชันโรงตัวผู้จำนวนมากสำหรับการผสมพันธุ์กับนางพญาชันโรงตัวใหม่ ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตชันโรง ชุดที่ปฏิบัติงานควรเป็นผ้าร่ม หลีกเลี่ยงสีดำ มีหมวกตาข่ายไว้ช่วยป้องกันด้วย โดยจะใช้มีดตัดถ้วยน้ำหวาน วางบนภาชนะที่มีผ้าขาวบาง ใช้ช้อนกด (บีบ) ทำให้ได้น้ำผึ้งไหลลงมาที่ภาชนะ ส่วนกากที่เหลือจากการบีบ จะได้เป็นพรอพอลิส น้ำผึ้งที่ได้จากชันโรง มีลักษณะเด่น คือ มีสีค่อนข้างเข้มดำ มีความเป็นกรดสูง มีรสเปรี้ยว มีคุณประโยชน์สูงทางโภชนาการ โดยมีสารอาหารมากกว่า 22 ชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรต กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์ต่างๆ นำไปผสมกับเครื่องสำอาง อาหารและยา เช่น สบู่ โลชั่น แชมพู ยาสีฟัน ลูกอม เป็นต้น ส่วนชันของชันโรง หรือพรอพอลิส เป็นสารปฏิชีวนะในธรรมชาติ มีสารประกอบโฟลวานอยส์ และสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชที่มีคุณสมบัติต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา และมีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบได้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลผลิตจากชันโรงมีราคาสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีการส่งออกน้ำผึ้งชันโรงไปขายต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย และยังเป็นที่ต้องการของตลาด แต่เกษตรกรยังผลิตได้ไม่ทันต่อความต้องการ เนื่องจากชันโรงขยายประชากรได้ช้ากว่าผึ้ง และยังมีการดำรงชีวิตที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายพันธุ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีราคาสูง โดยน้ำผึ้งชันโรงให้ผลผลิตน้ำผึ้งเฉลี่ย 300-500 กรัม/รัง จำหน่ายได้ในราคาเฉลี่ย 1,500 – 2,000 บาท/ กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป ส่วนชันของชันโรง จำหน่ายได้ในราคา 800 – 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่ได้